25 กุมภาพันธ์ 2559

Top up 2 Rich....คุณเป็นสมาชิกหรือยัง


เมื่อปลายปี 2558 (วันที่ 24 ธ.ค.) นักวิชาการวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) เผยกลุ่มธุรกิจมาแรงในปี 2559 คือกลุ่มธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน สุขภาพ และนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหาร ฉะนั้นหากผู้ประกอบการต้องการปรับตัวให้อยู่รอดในสภาวะปัจจุบันผู้ประกอบการต้องประยุกต์ใช้หลักการของสตาร์ทอัพเข้าสู่ธุรกิจนั่นคือการไม่หยุดนิ่งคิดค้นสิ่งใหม่ๆตลอดเวลาและการเพิ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้าสู่ธุรกิจโดยผู้ประกอบการยุคใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จนั้นจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญ4ประการ คือ มุ่งมั่นตั้งใจ ริเริ่มสร้างสรรค์ วางแผนธุรกิจเป็น และกล้าเสี่ยงที่จะลงทุน
นายกิตติชัย ราชมหา อาจารย์ประจำภาควิชาผู้ประกอบการและนวัตกรรม วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังนับถอยหลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้ตลาดสินค้าและบริการเปิดกว้างมากขึ้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นโอกาสอันดีในการพัฒนาและขยับขยายธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่มาแรงในยุคปัจจุบัน คือกลุ่มธุรกิจที่มีการประยุกต์เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นหลักสำคัญเพื่อพัฒนาสินค้า บริการ หรือตัวแบบธุรกิจ โดยมุ่งหวังให้ธุรกิจอยู่รอด และเติบโตได้แบบก้าวกระโดดในอนาคต หรือที่มักคุ้นหูในชื่อ สตาร์ทอัพ” (StartUp) นั่นเอง

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการตลาดภายใต้สภาวะแวดล้อมการแข่งขันในปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วรวมถึงการเน้นสร้างความสะดวกสบายของผู้บริโภคผ่านความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเช่นการเพิ่มช่องทางทำการตลาดผ่านแอพพลิเคชั่น(Application)ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตผ่านโทรศัพท์มือถือของผู้บริโภคในปัจจุบันโดยธุรกิจเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องเกิดจากนักธุรกิจหน้าใหม่ แต่เป็นธุรกิจที่สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ไม่เคยมีใครเคยทำมาก่อน ดังนั้น การทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้นต้องคิดค้นและพัฒนาสินค้าและบริการของตนเองให้เกิด ความสดใหม่ อยู่ตลอดเวลา เพื่อสร้างความแตกต่างและมีเอกลักษณ์ เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่สร้างสรรค์ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือตัวแบบธุรกิจ จะสนับสนุนให้ธุรกิจก้าวขึ้นเป็นที่หนึ่งของอุตสาหกรรมนั้นๆได้ไม่ยาก โดยกลุ่มธุรกิจที่จะมาแรงเป็นพิเศษในปี 2559 นั้น มี 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่

1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology)
2. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการแพทย์ (Healthcare and Wellness)
3.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหาร (Food Innovation)

ในที่นี่เราจะพูดถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology) เหตุเพราะการทำธุรกิจและการใช้ชีวิตทุกวันนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางการเงิน ดังนั้นการนำเสนอสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อสนับสนุนการทำธุรกรรมทางการเงินให้ง่ายขึ้น ย่อมเป็นโอกาสและความน่าสนใจใหม่สำหรับสตาร์ทอัพเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบโจทย์ และเมื่อพิจารณาข้อมูลย้อนหลังไป 3 ปี พบว่า มูลค่ามวลรวมของธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีเทคโนโลยีฟินเทคเกี่ยวข้อง (FinTech StartUp) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มอัตราเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคตอย่างชัดเจน


อย่างไรก็ดี เมื่อมองว่าการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นโอกาสที่ดีในการขยายธุรกิจแล้วนั้น ก็ต้องมองอีกด้านหนึ่งในเรื่องของการปรับตัวของธุรกิจเพื่อต่อสู้แข่งขันกับคู่แข่งที่มีมากขึ้นหลายเท่าตัวฉะนั้นหากผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEs)ต้องการปรับตัวให้อยู่รอดแล้วผู้ประกอบการเหล่านั้นต้องคิดในมุมมองแบบนักธุรกิจสตาร์ทอัพให้ได้กล่าวคือการคิดค้นสินค้าและบริการที่แปลกใหม่ตลอดเวลาและยังต้องมองหานวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ นอกจากนั้น อาจารย์กิตติชัย ยังได้ให้แนวคิดสำคัญ ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ตระหนักในการดำเนินธุรกิจ 4 ประการ คือ

1. ความมุ่งมั่นตั้งใจ (Entrepreneurial Intention)  ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำธุรกิจ พร้อมที่จะยืนหยัดต่อสู้และมีทั้งความตั้งใจและเข้าใจธุรกิจที่ทำ และมีตัวชี้วัดเป็นความมุ่งมั่นในการนำเงินมาเริ่มลงทุนทำธุรกิจ
2. ความคิดริเริ่มธุรกิจ (Business-Idea Initiate)  ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในด้านการทำธุรกิจเป็นต้นกำเนิดที่สำคัญของจุดขายของธุรกิจ โดยเฉพาะการคิดแบบนวัตกร (Innovator) ที่จะใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นตัวส่งเสริมธุรกิจให้มีประสิทธิภาพและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดมากขึ้น
3. ความรู้ด้านการวางแผนและสร้างตัวแบบธุรกิจที่มีความเป็นไปได้จริงและมีมูลค่าเพิ่ม(Value-Added Business Model and Plan)– ผู้ประกอบการยุคใหม่จะเป็นต้องมีความรู้ด้านการทำธุรกิจและปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น รู้กลุ่มลูกค้า ผลิตภัณฑ์ ความต้องการของตลาด คู่แข่งในตลาด เป็นต้น เพื่อใช้ในการร่างแผนธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันมีหน่วยงานทั้งรัฐบาลและเอกชนให้ความรู้ในเรื่องเครื่องมือของผู้ประกอบธุรกิจ (Business Model) อย่างแพร่หลาย
4. ความเป็นคนรักที่จะเสี่ยงและเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ (Risk and Challenge Lover)  โดยหลังจากการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ความใจสู้และกล้าเสี่ยงถือเป็นหัวใจสำคัญของคนทำธุรกิจ และเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการที่ต้องการประสบความสำเร็จไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ โดยการใช้ความใจสู้และกล้าเสี่ยงนั้น ต้องมีการศึกษาข้อมูลจากงานวิจัยและสถิติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ

จะเห็นได้ว่า Top up 2 Rich เป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการเงิน (Financial Technology) ผู้บริหารของTop up 2 Richได้ใช้เวลา 8 ปี ในการพัฒนาเพื่อนำเทคโนโลยี มารวมกับ ธุรกิจเครือข่าย เพื่อสร้างเครื่องมือทางการตลาด เรียกว่า ITS (Intelligent Top up System) โดยมีการวางแผนพัฒนาระบบมาอย่างต่อเนื่องให้เป็นมากกว่าการเติมเงินมือถือเม่านั้น แต่เป็น Mobile+ Technology+Commerce  หมายถึงอนาคตแห่งการใช้จ่ายอยู่ในมือคุณ


ด้วยวิสัยทัศน์ดังกล่าว ITS จึงถูกพัฒนาให้อำนวยความสะดวกให้แก่สมาชิกสามารถทำธุรกิจ ผ่านมือถือได้ด้วย เมื่อมีเทคโนโลยีมาเกี่ยวข้อง นั่นก็ย่อมหมายถึง ไม่มีผนังกั้น ไม่มีเพดานจำกัดในการขยายธุรกิจ










1. ช่วงแรก เน้นเรื่องเติมเงิน ก่อน ใช้เวลา 1 ปีเศษ ประสบความสำเร็จ (ปี 55-56) มีสมาชิก นับล้านรหัส มีมูลค่าธุรกิจ 1000 ล้านบาท มีสมาชิกประสบความสำเร็จ มนุษย์เงินล้าน 50 กว่าคน
2. แผนการตลาด ปีแรกมีผลประโยชน์ 2-3 ข้อเท่านั้น
3. ปัจจุบันT2R มีการพัฒนามากขึ้นแล้ว

ปี 2558 เริ่มสร้างธุรกิจอย่างมั่นคงตามแพลนที่วางไว้ มีผู้คนสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิต ด้วยธุรกิจ T2R อย่างถูกต้อง แต่เราก็ได้ปรับเปลี่ยนเรื่องต่อไปนี้
 แนวคิดทางธุรกิจ
 เทคโนโลยี
 กลยุทธแผนการตลาด
 ข้อกฎหมายต่าง ๆ ถูกต้องเรียบร้อยแล้วทุกอย่าง (ได้สคบ. ที่แตกต่างจากบริษัทอื่น ๆที่ให้บริการเติมเงินมือถือ) แต่มีบริษัท Top up 2 Rich บริษัทเดียวที่ผ่านบอร์ดขายตรง
 มุ่งมั่นทำธุรกิจอย่างมีจริยธรรม มีธรรมาภิบาล(เคยถูกร้องเรียนและถูกนำไปสู่การสืบสวนศึกษาจากบอร์ด จนเป็นที่ยอมรับของ คณะกรรมการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ปี
 2559

1. ต้องขยาย แอ็พ T2R SHOP & PAY การกินการใช้ของคนทั้งโลก เป็นรายได้ของคุณ
2. พัฒนา T2R CALL ให้เหมือน LINE / FACEBOOK / SKYPE
3. TV ONLINE
4. T2R Academy ( เปิดไปแล้ว ปลายปี 2557) คัดมาแล้ว 40 กว่าคน เรียนรู้ทุกอย่าง 1 เดือนเต็ม ซึ่งจะเป็น ผู้นำรุ่นแรก ขับเคลื่อนไปทั่วประเทศ
5. ต้อง มี HOME BASE BUSINESS ให้ครบ 85000 กว่าหมู่บ้าน
โดยสรุป  Top up 2 Rich  สินค้าคืออะไร 
คุณต้องรู้ว่าคุณขายอะไร
 ยกตัวอย่าง McDonald (ขายความคาดหวัง) ผู้ซื้อรู้ว่าต้องสั่งอะไร อะไรอยู่ที่ไหน McDonald ขายระบบ ขายแฟรนไชส์ (ผู้ลงทุนต้องการมีรายได้เหมือนMcDonald)
T2R ขายระบบ ว่าสามารถสร้างรายได้ มีอิสรภาพทางการเงิน มีเทคโนโลยี ไม่ใช่ขายการเติมเงินเท่านั้น แต่เป็น ธุรกิจที่แปลงทุนมนุษย์ ให้เป็นสินทรัพย์ เงินทองได้อีกด้วย



2-3 ปี ที่ Top up 2 Rich   ได้พัฒนาและลองผิดลองถูก จนเป็นระบบที่ดีที่สุด  จนสามารถขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านไปแล้ว 3 ประเทศ 10 เครือข่ายการเติมเงิน



โดยเจตนารมณ์ของทีมผู้บริหารที่ต้องการให้คนไทยทั้งประเทศมีอิสรภาพทางการเงิน ตกเป็นมรดกตกทอดของลูกหลานต่อไป และต้องการจะสร้างความยิ่งใหญ่ ให้โตยิ่งขึ้นไปอีก
จึงเป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจที่ Top up 2 Rich ทะยานสู่ตลาดAEC อย่างสง่างามเพราะเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีแต่จะเติบโตขึ้นต่อไปเรื่อย ๆ.


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น